สุนัขกำลังจะตาย

สุนัขกำลังจะตาย จะไม่สามารถกิน ดื่ม ยืนหรือเดินได้ต่อไปและสูญเสียความต้องการทำกิจกรรมเหล่านี้ สุนัขไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะหรืออุจจาระได้ หายใจแผ่วเบาและไม่ตอบสนองต่อการรักษาและยา มีอาการเจ็บปวด เช่น ร้องหรือครางตลอดเวลาเพราะอาการป่วยระยะสุดท้ายหรืออาการบาดเจ็บเป็นอาการของสุนัขกำลังจะตาย

สุนัขกำลังจะตาย 

สุนัขกำลังจะตาย เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนรักสุนัข ความรักที่มีต่อสัตว์เลี้ยงจะยังไม่หายไปถึงแม้หลังความตาย อย่างไรก็ตาม ความตายคือสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญแม้แต่สุนัขก็ตาม ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของเพื่อนและคู่หูผู้ซื่อสัตย์ การสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขกำลังจะตาย สามารถทำให้คนเลี้ยงและครอบครัวมีเวลาเพียงพอในการเตรียมใจ การรับรู้ถึงสภาพของสุนัขสามารถช่วยให้เตรียมการจากไปที่สง่างาม สงบสุขและสบายของสุนัข จะช่วยทำให้มั่นใจว่าสุนัขจะทรมานน้อยที่สุด

วิธีการสังเกตอาการ

1. สุนัขกำลังจะตายให้สังเกตอาการที่เกี่ยวกับระบบหายใจ ก่อนที่สุนัขกำลังจะตาย ตั้งแต่ 2-3 วันไปจนถึง 2-3 ชั่วโมงสุดท้าย จะสังเกตว่าสุนัขหายใจไม่เต็มปอดและมีช่วงหยุดระหว่างลมหายใจที่ยาวนาน อัตราการหายใจปกติคือ 22 ครั้งต่อนาทีอาจจะลดเหลือ 10 ครั้งต่อนาที

  • สุนัขกำลังจะตายจะหายใจเข้า ลึกมากก่อนตายทันที อาจจะรู้สึกว่าสุนัขตัวแฟบลงเพราะปอดหยุดทำงาน
  • สุนัขกำลังจะตายอัตราการเต้นของหัวใจของสุนัขจะตก จากอัตราปกติคือ 100-130 ครั้งต่อนาทีเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีด้วยสัญญาณชีพจรที่อ่อนมาก
  • ในช่วง 2-3 ชั่วโมงสุดท้ายจะสังเกตว่าสุนัขหายใจไม่เต็มปอดและจะไม่ขยับอีกต่อไป ส่วนใหญ่สุนัขจะนอนอยู่ในมุมมืดหรือมุมอับของบ้าน

2. สุนัขกำลังจะตายให้สังเกตอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ถ้าหากสุนัขกำลังจะตาย มันจะแสดงอาการเบื่ออาหารที่ชัดเจน มันจะไม่กินข้าวและดื่มน้ำเลย อวัยวะ เช่น ตับและไตจะหยุดทำงานทำให้สุนัขไม่สามารถย่อยอาหารได้เมื่อมันใกล้ตาย

  • สังเกตเห็นปากที่แห้งและเหนียวเพราะการขาดน้ำ
  • อาจจะเห็นว่ามีอาเจียนด้วย อาเจียนของมันจะไม่มีอาหารปนอยู่ มีแต่ฟองอากาศหรือบางครั้งมีกรดสีเหลืองค่อนไปทางเขียวเพราะน้ำดี มันจึงเบื่ออาหาร

3. สุนัขกำลังจะตายให้สังเกตวิธีที่กล้ามเนื้อทำงาน อาจจะสังเกตเห็นการชักกระตุกของกล้ามเนื้อที่ควบคุมไม่ได้เมื่อสุนัขอ่อนแอเพราะขาดกลูโคส มันยังอาจจะไม่สามารถโต้ตอบกลับความเจ็บและกิริยารีเฟล็กซ์

  • เมื่อสุนัขพยายามยืนหรือเดิน จะสังเกตการเดินที่ไม่ผสานกัน บางทีสุนัขจะไม่สามารถเดินได้เลย สุนัขอาจจะไม่รู้สึกตัวหรือมีอาการโคม่าทันทีก่อนตาย
  • สุนัขกำลังจะตายและเป็นโรคเรื้อรังหรือป่วยมานานอาจจะดูผอม สุนัขอาจจะเสียมวลกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้ออาจจะเล็กและลีบ

4. สุนัขกำลังจะตายให้ใส่ใจกับการขับถ่าย อีกสัญญาณคือการปัสสาวะและอุจจาระที่ควบคุมไม่ได้ สุนัขจะปัสสาวะและอุจจาระโดยไม่รู้ตัวเมื่อใกล้ตาย แม้แต่สุนัขที่มีระเบียบหรือถูกฝึกฝนมาดีก็จะมีอาการเหล่านี้

  • การปัสสาวะจะควบคุมไม่ได้และมีปริมาณเล็กน้อย
  • สุนัขจะท้องเสียและมีกลิ่นเน่าและบางครั้งมีเลือดปนเมื่อใกล้ตาย
  • หลังจากที่ตายแล้ว สุนัขจะปัสสาวะและอุจจาระเป็นครั้งสุดท้ายเพราะสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อทั้งหมด

5. สุนัขกำลังจะตายให้สังเกตสภาพผิวของสุนัข ผิวจะแห้งและไม่กลับสู่สภาพเดิมเพื่อหยิกมันเพราะการขาดน้ำ เยื่อบุผิว เช่น เหงือกและริมฝีปากจะมีสีซีด เมื่อกดอวัยวะเหล่านี้ มันจะไม่กลับมามีสีชมพูตามเคยถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม (เวลาปกติที่เหงือกกลับสู่สภาพเดิมคือ 1 วินาที)

อายุที่มากของสุนัขกำลังจะตาย

1. สังเกตความเร็วของการเคลื่อนไหว เมื่อสุนัขกำลังจะตายจะเคลื่อนไหวช้าลงแต่ยังสามารถกิน ดื่ม เดิน ยืนและสามารถโต้ตอบเสียงเรียกได้ก็เป็นสัญญาณว่าสุนัขแค่อายุมากเฉยๆ มันไม่ได้เจ็บปวดแต่แค่แก่ตัวลง

  • สุนัขยังสามารถทำสิ่งที่มันชอบ เช่น เดินไปรอบๆ นอนให้เกา เล่นหรือสังสรรค์กับสุนัขตัวอื่นถึงแม้ว่าความถี่และความเข้มข้นจะน้อยลงก็ตาม

2. สังเกตว่าสุนัขกินอาหารเยอะแค่ไหน เมื่อสุนัขแก่ตัว มันจะกินน้อยลงกว่าที่เคย สุนัขแก่จะเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยกว่าและต้องการอาหารน้อยกว่าสุนัขเด็กที่บ้าพลัง ไม่ต้องกังวล มันเป็นเรื่องธรรมดาของการแก่ตัว

3. สังเกตว่าสุนัขนอนเยอะแค่ไหน สุนัขแก่หรือสุนัขกำลังจะตายจะนอนเยอะขึ้น แต่ยังสามารถยืนและเดินไปรอบๆ และกินได้หลังจากนั้น สุนัขที่นอนและไม่ลุกขึ้นมากินคือสุนัขป่วย สุนัขที่นอนมากแต่ยังสามารถกินและเข้าสังคมได้คือสุนัขแก่

4. สังเกตเวลาที่มันอยู่กับสุนัขตัวอื่น เมื่อสุนัขแก่ตัวหรือสุนัขกำลังจะตาย มันจะสนใจเล่นและสังสรรค์กับสุนัขตัวอื่นน้อยลง น่าจะพบว่าสุนัขดูเบื่อหรือรำคาญเมื่อเข้าสังคมมากกว่าเมื่อก่อน

5. สังเกตรูปร่างหน้าตาของสุนัข หลายสิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสุนัขแก่ตัวลง มองหาสัญญาณเหล่านี้

  • ขนสีเทาหรือขาวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบริเวณหน้า
  • บางส่วนของร่างกายที่เป็นข้อต่อด้านหรือไม่มีขน อาจจะสังเกตเห็นบริเวณข้อศอก เชิงกรานและก้น
  • ปัญหาในช่องปาก เช่น ฟันบิ่นหรือฟันเป็นคราบ ฟันบางซี่อาจจะหลุดหรืออาจจะต้องพาไปหาสัตวแพทย์

6. ทำให้สุนัขแก่รู้สึกสบายตัว ถ้าสุนัขเริ่มแก่ควรทำให้มันรู้สึกสบายโดยการ

  • ให้สุนัขอยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทและอบอุ่น
  • ให้ที่นอนที่สบายสำหรับข้อต่อสุนัขและลดความเจ็บปวด
  • จัดเตรียมอาหารและน้ำ (แต่อย่าบังคับ)
  • ใช้เวลากับสุนัขทุกวัน ถึงแม้ว่าสุนัขไม่สามารถลุกขึ้นมาเล่นหรือไปเดินได้แต่มันจะยังชอบให้เจ้าของเอาใจและได้ยินเสียง

สุนัขกำลังจะตาย

การการุณยฆาตสุนัขกำลังจะตาย

1. เรียนรู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ของการการุณยฆาต การการุณยฆาตหรือการฉีดยาให้สุนัขตายคือวิธีที่นุ่มนวลและมีมนุษยธรรมในการจบชีวิตของสัตว์ที่กำลังทรมาน สัตวแพทย์ทำการการุณยฆาตโดยการฉีดยาสลบปริมาณมากให้กับสัตว์จนมันเริ่มค่อยๆ หยุดหายใจ จุดประสงค์หลัก 3 อย่างของการการุณยฆาตคือ:

  • เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและความทรมานของสัตว์
  • เพื่อบรรเทาความเจ็บ ความเครียด ความกลัวและความตื่นตระหนกที่สัตว์ต้องเผชิญก่อนจะไม่รู้สึกตัว
  • เพื่อทำให้สัตว์ตายโดยไม่เจ็บปวดและไม่ทรมาน

2. ใช้เวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับการการุณยฆาต เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจว่าการการุณยฆาตนั้นเหมาะสมหรือไม่ ต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพของสุนัขก่อนเสมอ ลองทบทวนโดยไม่นำอารมณ์และศักดิ์ศรีเข้ามายุ่งเกี่ยว ห้ามยื้อชีวิตสัตว์เพราะความต้องการของตัวเอง การการุณยฆาตมีมนุษยธรรมมากกว่านั้นและมันคือหน้าที่ในฐานะเจ้าของที่ต้องทำให้สุนัขตายโดยไม่เครียดและนุ่มนวล ถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง

  • การรักษาสุนัขไม่ได้ผลอีกต่อไปหรือไม่?
  • สุนัขเจ็บปวดและทรมานและไม่ตอบสนองกับการรักษาหรือยาใช่ไหม?
  • สุนัขทรมานจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสและเจ็บปวดซึ่งจะไม่มีวันหาย เช่น ศีรษะถูกกระทบอย่างรุนแรงหรือเลือดออกจำนวนมากหรือเปล่า?
  • โรคภัยไข้เจ็บของสุนัขได้ลดคุณภาพชีวิตของมันจนไม่สามารถกิน ดื่มหรือขับถ่ายด้วยตัวเองหรือเปล่า?
  • สุนัขมีความผิดปกติตั้งแต่เกิดที่ทำให้มันมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่หรือไม่?
  • สุนัขเป็นโรคติดต่อ เช่น โรคพิษสุนัขบ้าซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์และมนุษย์หรือเปล่า?
  • สุนัขยังสามารถทำสิ่งที่มันชอบในระหว่างการรักษาได้หรือไม่?
  • ถ้าหากคำตอบของคำถามส่วนใหญ่คือใช่ก็อาจถึงเวลาที่ต้องฉีดยาให้สุนัขตายอย่างสงบ

3. ปรึกษาสัตวแพทย์ว่าการการุณยฆาตคือทางเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่. พวกเขาสามารถประเมินอาการของสุนัขจากการตรวจและจะสามารถบอกได้ว่าอาการเหล่านี้รักษาได้หรือไม่หรือสุนัขใกล้จะถึงวันต้องไปแล้ว สัตวแพทย์อาจจะสามารถบอกได้ว่าสุนัขจะมีคุณภาพชีวิตแบบไหนถ้าหากคุณเลือกที่จะรักษาต่อไป

  • ถึงแม้ว่าสัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำได้ แต่การตัดสินใจฉีดยาให้สุนัขตายขึ้นอยู่กับเจ้าของในที่สุด

4. ค้นคว้าเงื่อนไขทางการแพทย์ที่รองรับการการุณยฆาต. โดยทั่วไปอาการใดๆ ก็ตามที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและทรมานที่ไม่สามารถรักษาหรือจัดการได้หรือเป็นโรคติดต่อหรือเรื้อรังคือเหตุผลที่เหมาะสมในการการุณยฆาต ตัวอย่างมีดังนี้

  • อาการสาหัสจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
  • โรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก เช่น โรคตับหรือเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
  • ไตวายระยะสุดท้าย ตับวายระยะสุดท้ายและเนื้องอกร้ายที่ลุกลาม
  • โรคติดต่อที่รักษาไม่ได้และอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์อื่นและมนุษย์ (เช่น โรคพิษสุนัขบ้า)
  • ปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ร้ายแรง เช่น อาการดุร้ายเกินไปที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการบำบัดพฤติกรรมและอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์อื่น มนุษย์และสิ่งแวดล้อม

5. มองหาสัญญาณที่บอกว่าสุนัขควรได้รับการการุณยฆาต ถ้าหากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ต้องรีบติดต่อสัตวแพทย์และพาสุนัขไปตรวจทันที สัตวแพทย์อาจจะใช้การการุณยฆาตถ้าหาก

  • สุนัขไม่สามารถกิน ดื่ม ยืนหรือเดินได้ต่อไปและสูญเสียความต้องการทำกิจกรรมเหล่านี้
  • สุนัขไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะหรืออุจจาระได้
  • สุนัขหายใจแผ่วเบาและไม่ตอบสนองต่อการรักษาและยา
  • มีอาการเจ็บปวด เช่น ร้องหรือครางตลอดเวลาเพราะอาการป่วยระยะสุดท้ายหรืออาการบาดเจ็บ
  • สุนัขล้มป่วยและไม่สามารถยกหัวได้
  • สุนัขตัวเย็นมากซึ่งบ่งบอกว่าอวัยวะเริ่มหยุดทำงาน
  • สุนัขมีก้อนเนื้อใหญ่ที่ผ่าตัดออกไม่ได้ทำให้สุนัขเจ็บปวดและเคลื่อนไหวไม่ได้
  • เยื่อบุต่างๆ เช่น เหงือกเปลี่ยนเป็นสีเทาและแห้ง
  • สุนัขอ่อนแอมากและชีพจรเต้นช้า

เคล็ดลับการการุณยฆาตสุนัขกำลังจะตาย

  • ถึงแม้ว่าการตัดสินใจที่จะให้สุนัขตายด้วยการการุณยฆาตเป็นสิ่งที่เจ็บปวดแต่มันคือความรับผิดชอบที่ต้องเผชิญ สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือได้ให้ชีวิตที่ดีที่สุดและการจากไปที่ไม่เจ็บปวดและสบายกับมัน
  • การบอกลาสัตว์เลี้ยงที่รักคือสิ่งที่ยากที่สุดที่ต้องทำ จะไม่ว่าคกำลังจบชีวิตสุนัขที่เจ็บปวดและทรมาน ต้องอยู่กับสุนัขจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกลา บอกมันว่ารักมันและพูดคำลาครั้งสุดท้าย จำไว้ว่าถ้าเก็บมันไว้ในใจ จะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

5 อันดับโรคร้าย ที่ทำให้น้องหมาตายแบบเฉียบพลัน

อันดับที่ 1 ตายเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือด

อันดับที่ 2 ตายเนื่องจากได้รับสารพิษ

อันดับที่ 3 ตายเนื่องจากปัญหาในระบบทางเดินอาหาร

อันดับที่ 4 ตายเนื่องได้รับบาดเจ็บ

อันดับที่ 5 ตายเนื่องจากการมีเลือดออก โดยที่ไม่สัมพันธ์กับการได้รับบาดเจ็บ

 

ความตายนั้นเป็นการเดินทาง สุนัขกำลังจะตายเป็นการเตรียมการสูญเสีย เสียสุนัขก็เหมือนการสูญเสียสมาชิกในครอบครัว เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเศร้าโศก เสียใจ โกรธ รู้สึกผิด การเห็นการตายของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องยากทำใจ ควรหาวิธีคลายความเศร้าโศกเสียใจเพื่อบำบัดความรู้สึกให้ดีขึ้น

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่  stickandtube.com
สนับสนุนโดย  ufabet369